วอร์คราฟต์ 3: เรนออฟเคออส
วอร์คราฟต์ 3: เรนออฟเคออส (อังกฤษ: Warcraft III: Reign of Chaos) เป็นเกมคอมพิวเตอร์ประเภทวางแผนเรียลไทม์ ภาคต่อในชุดเกมวอร์คราฟต์ สำหรับวินโดวส์ และ แมคอินทอช เกมวอร์คราฟต์ 3 ได้รับการพัฒนาโดย บลิซซาร์ดเอ็นเตอร์เทนเมนต์ เกมเริ่มออกสู่ตลาดเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม ค.ศ. 2002 เกมวอร์คราฟต์ 3 เป็นหนึ่งในเกมที่เป็นที่รอคอยของแฟน ๆ มากที่สุดและเป็นเกมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยสามารถขายปลีกได้กว่า 4.5 ล้านแผ่น และขายได้จำนวนครบ 1 ล้านแผ่นภายในเวลาหนึ่งเดือน[3] วอร์คราฟต์ 3 ยังคว้ารางวัลเกมยอดเยี่ยมได้หลายรางวัล รวมทั้ง รางวัล "เกมแห่งปี" จากสิ่งตีพิมพ์มากกว่าหกแหล่ง[4] เกมการเล่น![]() เกมวอร์คราฟต์ 3: เรนออฟเคออส เป็นเกมแรกของบริษัทบลิซซาร์ดที่สร้างลงบนแพลตฟอร์มวินโดวส์และแม็ก โอเอสพร้อมกัน[5] เกมวอร์คราฟต์ 3 ยังได้มีรายละเอียดสูง และมีลักษณะของภาพเป็นแบบ 3 มิติ รวมไปถึงยังได้มีการใส่เพิ่มเติมเทคโนโลยีที่ทันสมัยในยุคนั้นอีกด้วย[5] เกมการเล่นของวอร์คราฟต์ 3 เกิดขึ้นในแผนที่และภูมิประเทศที่แตกต่างกัน ในโหมดยุทธการ เมื่อเริ่มเกมมา แผนที่จะปกคลุมไปด้วยแบล็กมาสก์ (Black Mask) ซึ่งเป็นชั้นสีดำที่จะปกคลุมสภาพภูมิประเทศเอาไว้จนกว่าพื้นที่แถบนั้นจะได้รับการสำรวจ ซึ่งจะทำให้แบล็กมาสก์หายไปตลอดทั้งเกมการเล่น[6] ส่วนพื้นที่ที่ได้รับการสำรวจแล้ว แต่ไม่อยู่ในระยะมองเห็นของยูนิตหรือสิ่งปลูกสร้างของฝ่ายเดียวกันจะถูกปกคลุมด้วยหมอกแห่งสงคราม ซึ่งเรามองเห็นสภาพภูมิประเทศ แต่ไม่สามารถมองเห็นสิ่งปลูกสร้างหรือยูนิตของศัตรูได้[6] ระหว่างการเล่น ผู้เล่นต้องสร้างถิ่นฐานขึ้นเพื่อเก็บทรัพยากร ป้องกันการบุกของศัตรู สร้างยูนิตและทำลายฐานทัพของศัตรู ทรัพยากรหลักทั้งสามในเกมวอร์คราฟต์ 3 คือ ทองคำ ไม้และอาหาร[7] โดยทรัพยากรทองคำและไม้ใช้สำหรับการสร้างยูนิตและสิ่งปลูกสร้าง ส่วนอาหารจะเป็นตัวกำหนดจำนวนสูงสุดของยูนิตที่สามารถควบคุมได้[8] นอกจากนี้ เกมยังมีครีป (Creep) ซึ่งเป็นยูนิตที่ควบคุมโดยคอมพิวเตอร์ที่เป็นศัตรูกับผู้เล่นทุกคน[9] ครีปจะยึดครองพื้นที่บางส่วนของแผนที่ อย่างเช่น เหมืองทองคำหรือสิ่งปลูกสร้างของฝ่ายเป็นกลาง (Neutral Building) ทำให้ผู้เล่นต้องเปลี่ยนรูปแบบการเล่นเป็นฝ่ายรุกแทนที่จะตั้งรับอย่างเดียว ตัวเกมยังมีระบบกลางวัน-กลางคืนด้วย[10] และยังมีการปรับเปลี่ยนอีกเล็กน้อยเนื่องจากลักษณะภูมิประเทศแบบ 3 มิติในตัวเกม อย่างเช่น ยูนิตซึ่งอยู่บนพื้นที่ที่สูงกว่าจะโจมตียูนิตที่อยู่ต่ำกว่าด้วยพลังโจมตีที่เพิ่มมากขึ้น[11] ในภาคที่ผ่านมาของเกมชุดวอร์คราฟต์มีเผ่าพันธุ์ให้เลือกเล่นเพียง 2 เผ่าพันธุ์ คือ มนุษย์และออร์ก ซึ่งไม่ค่อยจะมีการเล่นที่แตกต่างกันมากนัก แต่ในวอร์คราฟต์ 3 มีเผ่าพันธุ์เพิ่มเข้ามา 2 เผ่าพันธุ์ คือ เอลฟ์ราตรีและอันเดต[12] และเริ่มมองเห็นความแตกต่างกันของยูนิต สิ่งปลูกสร้าง เทคโนโลยีและวิธีการสร้างสิ่งปลูกสร้างได้แล้ว อีกเสน่ห์หนึ่งของเกม คือ ยูนิตใหม่ที่แข็งแกร่งกว่าเดิม ที่เรียกว่า "ฮีโร่" (Hero) เมื่อฮีโร่สังหารยูนิตฝ่ายศัตรูหรือครีป ฮีโร่จะได้รับค่าประสบการณ์ ซึ่งเมื่อครบกำหนดแล้ว ฮีโร่จะเลเวลอัพได้จนถึงเลเวล 10 เมื่อฮีโร่เลเวลอัพ ฮีโร่จะมีคุณสมบัติประจำตัวที่แข็งแกร่งขึ้นและสามารถร่ายคาถาใหม่ ๆ ได้ (ทำให้ตัวเกมมีลักษณะคล้ายกับเกมสวมบทบาท[13]) ที่เลเวล 6 ฮีโร่จะปลดล็อกสกิลท่าไม้ตาย ฮีโร่ยังสามารถสวมใส่ของวิเศษเพื่อเพิ่มความสามารถ ทักษะและคุณสมบัติประจำตัวได้ นอกจากนี้ เฉพาะฮีโร่เท่านั้นที่มีสิทธิ์ใช้บริการของสิ่งปลูกสร้างของฝ่ายเป็นกลางที่พบเห็นได้ในแผนที่[14] โหมดยุทธการและโหมดผู้เล่นคนเดียวโหมดยุทธการของวอร์คราฟต์ 3 แบ่งออกเป็น 5 โหมดยุทธการ แต่ละโหมดยุทธการ ผู้เล่นจะได้ควบคุมยูนิตทั้งสี่เผ่าพันธุ์ และจะมีภารกิจแยกย่อยออกไป ตัวเกมยังมีการมอบหมายเควสให้แบบใหม่โดยที่ไม่เหมือนกับเกมอื่น ๆ ที่เคยสร้างมา โดยในคัตซีนผู้เล่นจะไม่ได้รับแจ้งโดยตรงว่าเควสให้ทำอะไร วอร์คราฟต์ 3 ใช้ระบบของ "เควสไม่นำร่อง"[15] ซึ่งเควสดังกล่าวจะปรากฏขึ้นในระหว่างการเล่นเกม ไม่เพียงแต่ในคัดซีนเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ยังมีโหมดเลือกเล่นเอง (Custom Game) ซึ่งจะให้ผู้เล่นสามารถเล่นกับคอมพิวเตอร์ได้สูงสุด 12 ทีม โดยมีแผนที่จำนวนมากให้เลือกเล่น เควสของการเล่นแบบนี้จะไม่หลากหลายเหมือนกับในโหมดยุทธการ แต่เป็นการมุ่งทำลายฐานทัพของศัตรูเพียงอย่างเดียว โหมดหลายผู้เล่นวอร์คราฟต์ 3 มีระบบหลายผู้เล่นเหมือนกับ สตาร์คราฟต์ และ ไดอะโบล เกมนี้ใช้ระบบเครือข่ายหลายผู้เล่นแบบ Battle.net ซึ่งผู้เล่นสามารถสร้างบัญชีรายชื่อได้ใน "เกทเวย์" (Gateway) ซึ่งมีส่วนช่วยลดการแล็กของเครื่อง เกทเวย์เหล่านี้ประกอบด้วย เอเซอร์รอธ (สหรัฐอเมริกาฝั่งตะวันออก), ลอร์เดอรอน (สหรัฐอเมริกาฝั่งตะวันตก), นอร์เธอเรนด์ (ยุโรป) และ คาเล็มดอร์ (เอเชีย)[16] วอร์คราฟต์ 3 ยังได้มีการพัฒนาระบบ Battle.net ขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งโดยการมีแม่สื่อที่เป็นชื่อลับ ซึ่งจะจับคู่ให้ผู้เล่นโดยอัตโนมัติโดยขึ้นอยู่กับความสามารถในการเล่นของผู้เล่นและความชื่นชอบในประเภทเกมการเล่น เพื่อป้องกันการโกงและการบันทึกการแข่งขันไว้ให้สำหรับตัวเอง[17] แต่ถ้าผู้เล่นต้องการเล่นกับเพื่อนในโหมดการแข่งขันจัดอันดับ ตัวเกมได้จัดให้มี "โหมดกำหนดทีม" ซึ่งจากผลของแม่สื่อของเกม ทำให้ทั้งสองฝ่ายถูกจับคู่โดยอัตโนมัติและไม่ทราบทีมคู่แข่งล่วงหน้าก่อนการแข่งขันเลย[17] นอกจากนี้ยังมีระบบรายชื่อเพื่อนและห้อง (Channel) วอร์คราฟต์ 3 ยังให้ผู้เล่นสามารถจัดทีมของตัวเองขึ้นมา เรียกว่า "แคลน" (Clan) ซึ่งจะมีส่วนร่วมในการเล่นในทัวนาร์เมนต์หรือเสนอให้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของวอร์คราฟต์ได้ โดยที่คะแนนสะสมและฐานะในเกมแม่สื่อจะถูกจัดเก็บไว้ใน "แล็ดเดอร์" (Ladder)[18] เรื่องราวอารัมภบทวอร์คราฟต์ 3 เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโลกที่ชื่อว่า อาร์เซรอธ หลายปีก่อนที่เรื่องราวในเกมจะเริ่มขึ้น กองทัพปีศาจซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนาม เบิร์นนิง ลีเจียน พยายามที่จะทำลายโลกอาร์เซรอธ โดยส่งเผ่าพันธุ์ที่ถูกควบคุมจิตใจ ซึ่งเรียกว่า ออร์ก หลังจากสงครามยาวนานหลายปี พวกออร์กได้พ่ายแพ้ต่อกองกำลังผสมของมนุษย์ คนแคระและเอลฟ์ พวกออร์กที่รอดชีวิตอยู่ถูกจำขังไว้ในค่ายกักกัน หลังจากการกักขังอันยาวนาน ทำให้พวกออร์กเหล่านี้หมดความปรารถนาที่จะสู้รบ เมื่อไม่มีศัตรูให้เห็น สันติภาพจึงบังเกิด แต่ว่าฝ่ายพันธมิตรทำท่าว่าจะแตกสลาย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน วอร์คราฟต์ 3 ได้เกิดขึ้นภายหลังจากช่องว่างจาก วอร์คราฟต์ 2 ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวเคยจะถูกสร้างให้เป็นเกมที่ชื่อว่า วอร์คราฟต์ แอดเวนเจอร์ แต่ว่าเกมดังกล่าวถูกยกเลิกระหว่างการพัฒนากลางคัน[19] ตัวละคร
ลำดับเหตุการณ์ธรอลล์ ผู้นำแห่งอนารยชนออร์คในอาณาจักรตะวันออกตื่นขึ้นจากฝันร้ายที่เหมือนจริงว่า สงครามระหว่างเผ่าพันธุ์กำลังจะเกิดขึ้น ธรอลล์ ได้รับคำแนะนำของเมดีฟผู้พยากรณ์ ให้แล่นเรือและพาพวกอนารยชนออร์คที่เหลือทั้งหมดบนแผ่นดินตะวันออกไปทางทิศตะวันตกสู่ดินแดนคาลิมดอร์ อันเป็นสถานที่ปลอดภัยตามคำแนะนำของมาดีฟ เขาจึงรวบรวมกองทัพที่เหลือ และช่วยกรอม เฮลสครีมจากการจำขังของพวกมนุษย์ก่อนจะแล่นเรือไป มาดีฟในร่างอีกาได้บินไปยังปราสาทของราชาเทเรนัส เขาเตือนให้พระองค์อพยพประชากรทั้งหมดไปดินแดนตะวันตกเพื่อหลีกเลี่ยงความสูญเสียมหาศาลที่จะเกิดขึ้น แต่พระองค์ไม่ทรงเชื่อเขา เจ้าชายอาร์ธัส บุตรแห่งราชาเทเรนัส ป้องกันหมู่บ้านสแตร์นแบรดจากพวกออร์ค อย่างไรก็ตาม พวกออร์คก็สามารถปล้นเมืองได้สำเร็จ พระองค์จึงตามไปยังค่ายของพวกออร์ค และสังหารพวกออร์คสิ้น จากนั้นเขา ร่วมกับผู้วิเศษไจน่า ได้พยายามตามหาสาเหตุของโรคประหลาดที่ฆ่าและเปลี่ยนมนุษย์ให้กลายเป็นอันเดต อาร์ธัสสามารถสังหารผู้ที่เป็นต้นเหตุของโรคระบาดได้ระหว่างการยุทธ์ที่ฮาร์ทเกรน เขาได้มอบหมายให้ไจน่าไปเรียกกำลังเสริมของอูเธอร์มาช่วย อูเธอร์สามารถเดินทางมาช่วยได้ทันเวลา แต่ก็เกิดความบาดหมางระหว่างทั้งสองคนเสียแล้ว ระหว่างทางไปยังเมืองสแตร็ทโฮม อาร์ธัสไปพบกับมาดีฟ ซึ่งเขาได้พยายามชักชวนให้อาร์ธัสอพยพผู้คนไปยังดินแดนตะวันตก อาร์ธัสปฏิเสธด้วยเหตุผลว่าเพื่อปกป้องพสกนิกรของพระองค์ เมื่อเขามาถึงเมืองสแตร็ทโฮม พระองค์พบว่าโรคระบาดได้แพร่มาถึงเมืองนี้แล้ว และพยายามฆ่าทุกคนในเมืองเพื่อป้องกันโรคมิให้แพร่ระบาดต่อไป แต่อูเธอร์และไจน่าปฏิเสธที่จะร่วมมือในการกระทำที่โหดเหี้ยมเช่นนี้ได้ หลังจากเมืองทั้งเมืองถูกทำลายจนพินาศ ไจน่ากลับมาที่เมืองสแตร็ทโฮมและพบกับมาดีฟ ซึ่งได้ชักชวนให้เธออพยพคนไปยังดินแดนตะวันตก และเธอก็ตอบตกลง อาร์ธัสติดตามมีลกานิส ผู้อยู่เบื้องหลังการกระทำของคีลทิซาร์ด ไปยังดินแดนน้ำแข็งทางเหนือชื่อ นอร์เดอเรนด์ ที่ซึ่งพระองค์มีส่วนช่วยเหลือมูราดินในการตามหาดาบทรงพลังที่มีชื่อว่า ฟรอซมอร์ด เมื่อทั้งสองพบดาบนั้นแล้ว มูราดินพบว่ามันเป็นดาบต้องคำสาป แต่อาร์ธัสไม่สนใจคำเตือนนั้น และยินยอมแลกวิญญาณของตนเพื่อใช้พลังของดาบ และเมื่ออาร์ธัสปลดปล่อยพลังของดาบออกมาแล้ว ทำให้มูราดินต้องติดอยู่ใต้เศษน้ำแข็ง อาร์ธัสสังหารมีลกานิส และกลับมายังมาตุภูมิ ไม่นานหลังจากนั้น อาร์ธัสได้สังหารบิดาของตนเองท่ามกลางงานเฉลิมฉลองชัยชนะในเมืองหลวงนั่นเอง ในฐานะที่เป็นอัศวินแห่งความตาย อาร์ธัสจึงได้พบกับหัวหน้าของพวกเจ้าความกลัว ทิคูรดริอัส ผู้ซึ่งมอบหมายบททดสอบหลายประการให้แก่เขา ในตอนแรก อาร์ธัสได้รวบรวมเถ้ากระดูกของเคลทิซาร์ด และบรรจุไว้ในโถวิเศษซึ่งบรรจุอัฐิของบิดาเขาเอง และเพื่อให้ได้โถวิเศษนี้ เขาต้องสังหารอูเธอร์ซึ่งรับหน้าที่ปกป้องโถวิเศษนี้ก่อน หลังจากนั้น เขาได้นำกองทัพอันเดตเข้ารุกรานดินแดนเควลธาลัสของพวกไฮเอลฟ์ และพยายามเข้าตีกรุงซิลเวอร์มูนเมืองหลวง เพื่อครอบครองพลังของซันเวล แต่เควลธาลัสมีประตูจันทราสามบานป้องกันอยู่ และยังต้องประมือกับนายพลธนู ซิลวานัส วินด์รันเนอร์ แต่ในที่สุด เขาก็สามารถเข้าถึงซันเวล และชุบชีวิตเคลทิซาร์ดขึ้นมาเป็นพ่อมดมืด เคลทิซาร์ดแจ้งให้อาร์ธัสทราบถึงเบิร์นนิงลีเจียน ซึ่งเป็นกำลังปีศาจขนาดใหญ่ที่รอเข้ามาทำลายโลกนี้ นายที่แท้จริงของเคลทิซาร์ดคือลิชคิง ผู้ซึ่งถูกสร้างมาเพื่อช่วยเหลือเบิร์นนิงลีเจียนและกองกำลังอันเดตของเขา แต่ในความเป็นจริง จุดประสงค์ของลิชคิงคือการทำลายล้างเบิร์นนิงลีเจียน อาร์ธัสและเคลทิซาร์ดร่วมมือกันปิดล้อมเมืองดารารานเพื่อขโมยคัมภีร์ของเมดีฟ เพื่ออัญเชิญอาคิมอนด์มายังอาร์เซรอธ และเมื่อเขามาถึงแล้ว การทำลายล้างและจุดจบของลอร์เดอรอนก็เริ่มต้น ฝ่ายาอนารยชนออร์กภายใต้การนำของธรอลล์เดินทางถึงดินแดนคาเล็มดอร์ และพบกับคารินและเผ่าทูแรนของเขา ซึ่งได้ณรงค์กับเซ็นทอร์จนได้รับชัยชนะ ธรอลล์พบกับกรอม เฮลสครีมและร่วมมือกันทำศึกกับพวกมนุษย์เพื่อหาหนทางไปสู่ผู้พยากรณ์ ขณะเดียวกัน ชนเผ่าวอร์ซองได้รับคำสั่งจากธรอลล์ให้ก่อสร้างที่มั่นถาวรในป่าอเชนไวล์ แต่การเข้าไปนั้นได้ไปรบกวนพวกเอลฟ์ราตรีและเทพชั้นรอง ซีนาริอัส เนื่องจากพวกออร์กได้ตัดต้นไม้ไปเป็นจำนวนมาก เพื่อจะเอาชนะเทพ กรอมจึงตัดสินใจยอมดื่มน้ำที่ย้อมด้วยเลือดของแมนารอธ ทำให้ได้รับอำนาจของปีศาจและสามารถสังหารซีนาริอัสลงได้ และต้องแลกกับวิญญาณของออร์กเผ่าวอร์ซองและตกอยู่ภายใต้การครอบงำของเบิร์นนิงลีเจียน ธรอลซึ่งได้เดินทางมาพบกับเมดีฟผู้พยากรณ์ เขาได้แจ้งให้ธรอลทราบถึงการกระทำของกรอม และจากถ้อยคำของผู้พยากรณ์ทำให้มนุษย์ซึ่งอยู่ภายใต้การนำของไจน่าต้องรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันเพื่อยับยั้งกรอมจากอำนาจปีศาจ หลังจากที่กรอมได้รับการปลดปล่อยแล้ว เขากับธรอลได้เดินทางเข้าไปในถ้ำแห่งหนึ่ง ซึ่ง ณ ที่นั้นเองที่เขาได้สังหารแมนารอธเพื่อแลกกับอิสรภาพของออร์กจากการควบคุมของปีศาจ แต่ก็ต้องแลกกับชีวิตของกรอมด้วย หลังจากที่ซีนาริอัสสิ้นชีพไปแล้ว ทำให้ไทแรนด์ทราบว่ามีภัยคุกคามกำลังเกิดขึ้นต่อป่าอเชนไวล์แห่งนี้ เธอจึงนำกองทัพเอลฟ์ราตรีเข้าทำลายค่ายกองทัพผสมมนุษย์-ออร์ก แต่เมื่อกองทัพผสมเพลี่ยงพล้ำ กองทัพอันเดตของอาร์คิมอนก็ปรากฏตัวออกมา และทำลายทหารทั้งสองฝ่ายจนหมดสิ้น อาร์คิมอนไล่กวดไทแรนด์มา แต่ไทแรนด์ก็สามารถหลบหนีไปได้อย่างหวุดหวิด เพื่อที่จะต่อกรกับเบิร์นนิงลีเจียนอีกครั้งนี้ ไทแรนด์จึงตัดสินใจปลุกดรูอิดซึ่งกำลังหลับใหลอยู่ โดยเริ่มต้นจากคนรักของเธอ คือ มีลฟิวเรียน สตรอมเรจ ซึ่งเป็นหัวหน้าดรูอิดทั้งหมด ตามด้วยดรูอิดที่เหลือ ไทแรนด์ยังได้ตัดสินใจปลดปล่อยน้องชายของมีลฟิวเรี่ยน คือ อิลลิดาน จากการคุมขัง ในภายหลัง อิลลิดานได้พบกับอาร์ธัส ผู้ซึ่งบอกเขาเกี่ยวกับ "กะโหลกแห่งกูลดาน" การดูดกลืนพลังของกะโหลกทำให้เขากลายเป็นพวกครึ่งเอลฟ์ครึ่งปีศาจ และอิลลดานได้ใช้พลังของตนในการสังหารทิคอนดริอัส แต่มีลฟิวเรี่ยนมาพบเขาขณะยังอยู่ในร่างปีศาจ ทำให้เขาถูกเนรเทศออกจากป่าอเชนไวล์ไป ในคืนนั้นเอง มาดีฟได้แสดงภาพนิมิตให้แก่มีลฟิวเรี่ยน ไทแรนด์ ธรอลและไจน่า เพื่อให้ทั้งสามเผ่าพันธุ์ร่วมมือกันในการกำจัดกองทัพอันเดต ในยุทธการแห่งยอดเขาไฮจอล กองทัพพันธมิตรได้ร่วมมือกันเพื่อพยายามหยุดยั้งกองทัพของอาร์คิมอนจากต้นไม้แห่งโลก เพื่อรอคอยแผนการของมีลฟิวเรี่ยน คือ การเรียกวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของเหล่าเอลฟ์ราตรี เมื่ออาร์คิมอนมาถึงต้นไม้แห่งโลก วิญญาณบริสุทธิ์เหล่านี้ก็ได้ทำลายอาร์คิมอน ณ ยอดเขาแห่งนั้นเอง ผลจากการรบดังกล่าว ทำให้ทั้งสามเผ่าพันธุ์ร่วมมือกัน และเกิดเป็นสันติภาพในดินแดนคาเล็มดอร์ภายหลังจากที่ศัตรูพ่ายแพ้ไปสิ้น การพัฒนาเกมวอร์คราฟต์ 3 เริ่มมีการพัฒนาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1999 โดยตัวเกมได้กล่าวอ้างถึงความเป็นเกมผสมระหว่างเกมวางแผนและเกมสวมบทบาท[22] ซึ่งใช้เวลาพัฒนานานหลายปี เพื่อใช้ในการพัฒนารูปแบบสามมิติเป็นครั้งแรกของบริษัทบลิซซาร์ด ทำให้ภาพที่ได้ออกมาสวยงาม ทั้งสภาพแวดล้อม รายละเอียดและแอนนิเมชั่น[23] การทดสอบเวอร์ชันบีตาของเกมเริ่มตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม ค.ศ. 2002[24] โดยกว่า 5,000 คนเข้าร่วมการทดสอบ โดยใช้เวลานานทั้งสิ้นหกเดือน หลังจากการทดสอบแล้วตัวเกมได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเล่นเป็นอย่างมากจากเวอร์ชันอัลฟา[25] ส่วนระบบหลายผู้เล่นของเกมก็เป็นที่นิยมในช่วงทดสอบเวอร์ชันบีตาอีกด้วย[26] โปรแกรมสร้างแผนที่ (World Editor)เหมือนกับโปรแกรมสร้างแผนที่ใหม่ที่เคยทำไว้ในเกม วอร์คราฟต์ 2 และ สตาร์คราฟต์ ก่อนหน้านั้น เกมวอร์คราฟต์ 3 มีโปรแกรมสำหรับสร้างแผนที่ด้วยตัวเอง ซึ่งสามารถกำหนดให้แผนที่ดังกล่าวแตกต่างจากแผนที่ทั่วไปซึ่งติดมากับเกมอยู่ก่อนแล้ว โปรแกรมสร้างแผนที่สามารถปรับแต่งยูนิตและเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้ นอกจากนั้น ผู้เล่นยังสามารถดาวน์โหลดแผนที่ที่เป็นของผู้เล่นคนอื่นได้ รวมไปถึงยังมีโปรแกรมของบุคคลที่สามซึ่งสามารถทำให้การสร้างแผนที่มีความหลากหลายมากขึ้น โปรแกรมสร้างแผนที่ยังถูกเพิ่มเติมขึ้นหลังจาก วอร์คราฟต์ 3: บัลลังก์น้ำแข็ง ออกวางจำหน่ายแล้ว แม้ว่าโปรแกรมสร้างแผนที่จะได้รับการพัฒนาอยู่เรื่อย ๆ เช่นเดียวกับแพทช์ของเกม แต่ว่าโปรแกรมสร้างแผนที่ดังกล่าวก็ไม่ถือว่าเป็นสินค้าของบริษัทบลิซซาร์ดอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด[27] บางครั้ง แผนที่ของผู้เล่นบางคนก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง อย่างเช่น แผนที่ดีเฟนซ์ออฟดิแอนเชียนส์ ซึ่งมักจะมีการจัดการแข่งขันแบบทัวร์นาเมนต์ในหลายประเทศเป็นประจำ แต่ก็ยังมีอีกหลายแผนที่เหมือนกันที่ได้รับความนิยม อย่างเช่น สตรองโฮลด์และชีพแท็ก ซึ่งแผนที่เหล่านี้ยังได้มีการพัฒนาอยู่ตลอด เสียงเพลงส่วนใหญ่ที่ใช้ประกอบในเกมวอร์คราฟต์ 3 แต่งโดย เทรซี่ ดับเบิลยู. บุช, เดเร็ก ดุค, เจสัน ฮาเยสและเกล็นน์ สตาฟฟอร์ด[28] เกมวอร์คราฟต์ 3: เรนออฟเคออส ได้ถูกจัดทำขึ้นเป็นภาคจำนวนจำกัดมีเพลงออเครสตร้าประกอบด้วยเป็นจำนวนมากในซาวน์แทร็กที่แยกออกไปต่างหาก ส่วนเผ่าพันธุ์ทั้งสี่ได้ใช้เสียงเพลงประกอบที่แตกต่างกันไป อย่างเช่น เพลงที่เกี่ยวกับศาสนาใช้ประกอบการเล่นเผ่ามนุษย์ ดนตรีแอมเบียนต์และเพลงของอเมริกันอินเดียนใช้ประกอบการเล่นเผ่าเอลฟ์ราตรี เพลงทำสงครามของชาวแอฟริกันประกอบการเล่นเผ่าออร์ก และเพลงเร็วสยองขวัญสำหรับการเล่นเผ่าอันเดต อีกหนึ่งลักษณะเฉพาะตัวของเกมในเครือของบลิซซาร์ด คือ คำประจำตัวของยูนิต ถ้าเราคลิกไปบนยูนิตตัวเดิมซ้ำ ๆ ติด ๆ กันหลายครั้ง เสียงของยูนิตก็จะเริ่มตลกขบขันมากขึ้นเท่านั้น ยูนิตอาจจะพาลโกรธใส่ผู้เล่น หรือเริ่มที่จะพาดพิงถึงเกมอื่น ภาพยนตร์หรือมุขตลก อย่างเช่นจาก ภาพยนตร์สตาร์ วอร์ส เป็นต้น รูปแบบอื่น![]() นอกเหนือจากจะมีการผลิตในรูปแบบปกติแล้ว ยังได้มีการผลิตวอร์คราฟต์ 3 ในรูปแบบนักสะสม ซึ่งในรูปแบบนักสะสมนี้ ประกอบด้วยแผ่นดีวีดีที่เป็นฉากของวอร์คราฟต์ 3 รวมไปถึงมีตัวอย่างเบื้องหลังการทำงาน และฉากดำเนินเรื่องตั้งแต่เริ่มเกมจนจบ ซาวน์แทร็กในรูปแบบนักสะสม คู่มือแนะนำการเล่นในรูปแบบนักสะสม หนังสือ Art of Warcraft และแบบพิมพ์การพิมพ์หิน บริษัทบลิซซาร์ดยังได้ออก วอร์คราฟต์ 3 แบทเทิล เชสต์ ซึ่งประกอบด้วยแผ่นเกมของ วอร์คราฟต์ 3: เรนออฟเคออส และ วอร์คราฟต์ 3: บัลลังก์น้ำแข็ง เข้าด้วยกันในกล่องเดียว และยังมีคู่มือแนะนำการเล่นจากบราดีเกมส์ (BradyGames) ในอีกรูปแบบหนึ่ง คือ กิฟต์เซตเฉพาะ ซึ่งประกอบด้วยดีวีดีฉาก คู่มือแนะนำการเล่นของบราดีเกมส์ และวอร์คราฟต์ 3 ในรูปแบบของ Battle.net วอร์คราฟต์ 3 เป็นเกมหนึ่งที่อยู่ในระดับขายดีในระดับเดียวกับเกมชุดสตาร์คราฟต์ เกมชุดไดอะโบล และเกมชุดวอร์คราฟต์ภาคก่อนหน้า[29] และยังเทียบเท่าได้กับเกมคัดสรรจากบริษัทอื่นนอกเหนือจากบริษัทบลิซซาร์ดอีกด้วย[30][31] ภาคต่อหลังจาก วอร์คราฟต์ 3: เรนออฟเคออส แล้ว เรื่องราวในจักรวาลของวอร์คราฟต์ดำเนินต่อไปในเกม วอร์คราฟต์ 3: บัลลังก์น้ำแข็ง ซึ่งเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากยุทธการแห่งยอดเขาไฮจอลแล้ว ซึ่งเนื้อเรื่องยังได้เกี่ยวโยงไปถึงเผ่าพันธุ์ใหม่ ยูนิตใหม่และโลกใหม่ที่แตกต่างออกไป โดยในภาคต่อของเกมวอร์คราฟต์นี้ได้มีการออกแพทช์ใหม่ขึ้นมาแก้ไขปัญหาของเกม รวมไปถึงการจัดการระบบหลายผู้เล่น และโปรแกรมสร้างแผนที่ที่ดีกว่าเดิม และยังเป็นภาคต่อที่ได้รับรางวัลหลายอย่างเช่นเดียวกับวอร์คราฟต์ 3: เรนออฟเคออสด้วย โดยเกมวอร์คราฟต์ 3: บัลลังก์น้ำแข็งนี้วางจำหน่ายวันแรกเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2003 การตอบรับการประเมิน
การตอบรับของเกมวอร์คราฟต์ 3 เป็นการตอบรับในด้านดีมาก ๆ แม้ว่าการประเมินโดย GamePro จะบอกว่า "เกมวอร์คราฟต์ 3 ไม่ได้ปฏิวัติวงการเกมวางแผนเรียลไทม์แต่อย่างใด" แต่ก็ยังยกย่องบริษัทบลิซซาร์ดว่า "วางโครงเรื่องได้เป็นอย่างดี การเล่นเป็นจังหวะ และมีการเล่นแบบออนไลน์ที่จะไม่ตกยุค"[45] GameSpot ได้ประเมินวอร์คราฟต์และสตาร์คราฟต์ที่ได้ให้ประสบการณ์การเล่นที่แปลกใหม่ และนับว่าเป็น "ปรากฏการณ์ใหม่" ผู้ประเมินจำนวนมากยังวิจารณ์ว่าเกมวอร์คราฟต์เป็นเกมที่มีความสนใจ เนื่องจากการเล่นในเกมวางแผนเรียลไทม์เกมอื่น ๆ ในช่วงต้นของเกมจะเป็นการแข่งขันกับเพื่อสร้างยูนิตที่ดีที่สุดขึ้นมาเท่านั้น[44] และผู้ประเมินยังได้บอกอีกว่าเกมวอร์คราฟต์ 3 เป็นการเริ่มต้นของการแยกทุกเผ่าพันธุ์ออกจากกัน ทำให้ทุกเผ่าพันธุ์ต่างมีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน[53] ส่วน IGN กล่าวว่า "วอร์คราฟต์ไม่ได้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ขึ้นมาเป็นตัน แต่ว่าตัวเกมจะดีพอที่คุณจะไม่สนใจหรือไม่สังเกตเลยด้วยซ้ำ"[41] อย่างไรก็ตาม ผู้ประเมินยังได้วิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องของการที่ไม่สามารถเปลี่ยนเส้นทางของอาร์ธัสได้ การวิจารณ์ใน Gamecritics บอกว่า "ผู้เล่นต้องนั่งดูอาร์ธัสมุ่งสู่หนทางของความบ้าคลั่ง"[53] ผู้ประเมินคนอื่น ๆ ยังได้บอกว่าแบบตัวละครนั้นธรรมดามาก ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมองดูในฉากคัตซีน[44] รางวัลเกมวอร์คราฟต์ 3 ได้รับรางวัลจำนวนมากจากสิ่งตีพิมพ์และเว็บไซต์หลายแห่ง[4] อย่างเช่น
ความนิยมเกมวอร์คราฟต์ 3 ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดอย่างมาก และเป็นการ "ขยายจักรวาลของวอร์คราฟต์ให้กว้างยิ่งขึ้นไปอีก"[63] ทำให้มีฐานผู้บริโภคกว้างขวางยิ่งขึ้น และจะมีผู้ซื้อที่ติดตามผลงานอย่างต่อเนื่อง และเกมยังคงเป็นที่นิยมมาตั้งแต่วันเปิดตัววันแรกมาจนถึงปัจจุบัน เหมือนกับเกม สตาร์คราฟต์ ไดอะโบล เคาน์เตอร์-สไตรก์ และ ฮาล์ฟ-ไลฟ์[63] เกมวอร์คราฟต์ 3 มีความโด่งดังเป็นอย่างมากในจีน เยอรมนีและเกาหลีใต้ ทำให้มีการจัดการแข่งขันอย่างเป็นทางการขึ้น อย่างเช่น รายการเวิลด์ไซเบอร์เกมส์ รายการอิเล็กทรอนิกส์สปอร์ตเวิลด์คัพ รายการเวิลด์อีสปอร์ตเกมส์ และรายการเวิลด์ซีรีส์ออฟเกมส์ ผู้เล่นจะได้รับเงินจากแหล่งต่าง ๆ โดยในประเทศเดนมาร์ก ผู้เล่นที่แข่งขันแบบมืออาชีพได้รับค่าแรงกว่า 300,000 ดอลล่าร์สหรัฐต่อปีจากองค์การที่เกี่ยวกับการเล่นเกมโดยเฉพาะ[64] อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
Information related to วอร์คราฟต์ 3: เรนออฟเคออส |
Portal di Ensiklopedia Dunia